“สวัสดีผู้เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกทุกท่านนะคะ
บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนรายวิชา PC9203เทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับครู ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา
2556 จัดทำโดย นางสาวรวิสรา ศรีปัตเนตร ค.บ.4 คณิตศาสตร์ หมู่2 มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง
ค่ะ”
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครซอฟท์คอมพิวเตอร์
และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ค
ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ
เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ
ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ
สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมได้
วัตถุประสงค์ในรายวิชา
เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้
1.อธิบายความหมาย
ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้
2.อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
3.ยกตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตจริงได้
4.อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้
5.อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้
6.บอกความหมายและองค์ประกอบสำคัญๆ
ของคอมพิวเตอร์ได้
7.อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้
8.บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้
9.ความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้
10.บอกความสัมพันธ์ของเครือขายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
11.อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง
ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้
12.อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้
13.ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง
ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้
14.สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้
15.นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้
หน่วยการเรียนที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
หน่วยการเรียนที่
2 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หน่วยการเรียนที่
3 คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่
4 ซอฟต์แวร์
หน่วยการเรียนที่
5 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่
6 อินเตอร์เน็ต
หน่วยการเรียนที่
7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
หน่วยการเรียนที่
8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
รูปแบบของกระบวนการเรียนการรู้
- วิธีสอน เป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning)
- เนื้อหาบทเรียน เนื้อหาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
- เครื่องมือกำกับการเรียนรู้ ความซื่อสัตย์(integrity)
กิจกรรมการเรียนการสอน
- การบรรยายประกอบสื่อในชั้นเรียนปกติ (traditional classroom)
- การศึกษาค้นคว้าด้วยสื่อออนไลน์หรือเว็บบล็อก
- การสรุปและนำเสนอในชั้นเรียนด้วยสื่อ ICT
- การอภิปรายแสดงความคิดเห็น
- การสรุปเป็นรายงาน
- การทดสอบเพื่อวัดและประเมินผล
การบูรณาการกับความพอเพียง
ในการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษานั้นจะต้องมุ่งพัฒนาที่ตัวครูก่อนเป็นอันดับแรก เพราะครูถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการถ่ายทอดความรู้และปลูกฝังสิ่งต่างๆให้แก่เด็กดังนั้น
จึงควรส่งเสริมครูให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ก่อน
เพราะเมื่อครูเข้าใจครูก็จะได้เป็นแบบอย่างทีดีให้แก่เด็กได้ครูจะสอนให้เด็กรู้จักพอครูจะต้องรู้จักพอก่อนโดยอยู่อย่างพอเพียงและเรียนรู้ไปพร้อมๆ
กับเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีสติในการเลือกรับข้อมูลต่างๆที่เข้ามารู้จักเลือกรับและรู้จักต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่หมั่นศึกษาเพิ่มพูนความรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ไม่ก้าวกระโดด
ในการเลือกรับข้อมูลนั้นต้องรู้จักพิจารณารับอย่างเป็นขั้นเป็นตอนรู้จักแก้ไขปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนประเมินความรู้และสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาจะได้รู้จักและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสภาพและผลจากการเปลี่ยนแปลงในมติต่างๆได้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง
เป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อน
คือ การทำให้เด็กรู้จักความพอเพียงปลูกฝัง อบรมบ่มเพาะ ให้เด็กมีความสมดุลทางเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมโดยสอดแทรกแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรสาระเรียนรู้ต่างๆเพื่อสอนให้เด็กรู้จักการใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปันมีจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมค่านิยมความเป็นไทยท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงต่างๆรู้ว่าตนเองเป็นองค์ประกอบหนึ่งในสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของโลก
การกระทำของตนย่อมมีผลและเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมในโลกที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น
สำคัญคือครูจะต้องรู้จักบูรณาการการเรียนการสอนให้เด็กและเยาวชนเห็นถึงความเชื่อมโยงในมิติต่าง
ๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งความเป็นองค์รวมนี้จะเกิดขึ้นได้
ครูต้องโดยใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อน
นอกจากนี้ในการส่งเสริมให้นำหลักปรัชญาฯไปใช้ในสถานศึกษาต่างๆ
นั้น อาจจะใช้วิธี “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา”ตามหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า
สำคัญที่สุดครูต้องเข้าใจเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงก่อน โดยเข้าใจว่าแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเป็นแนวคิดที่สามารถเริ่มต้นและปลูกฝังได้ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ
ในโรงเรียน เช่น กิจกรรมการรักษาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน การกำจัดขยะในโรงเรียน การสำรวจทรัพยากรของชุมชน
ฯลฯ
ความซื่อสัตย์ เป็นลักษณะที่ช่วยให้เป็นที่ยอมรับนับถือและไว้วางใจ เป็นที่น่าคบหาสมาคมด้วยถ้าขาดความซื่อสัตย์จะเป็นคนไม่น่าคบหาสมาคม เป็นที่ระแวงแคลงใจของเพื่อนและบุคคลใกล้ชิด โดยปกติแล้วผู้ปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์จะมีความเจริญก้าวหน้าทั้งด้านส่วนตัว การประกอบอาชีพ สังคม ความซื่อสัตย์จึงหมายถึง การประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่โกงไม่หลอกลวง
ระดับความซื่อสัตย์
1. ระดับตำกว่ามาตรฐานที่กำหนดอย่างมาก
- ให้ข้อมูลที่บิดเบือนจากความจริงเป็นเหตุให้เกิดปัญหาหรือความเข้าใจผิด
- หลีกเลี่ยงการตักเตือนหรือแจ้งผู้ที่ทำผิดระเบียบ
- ปฏิเสธ/ไม่ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
- ละเมิดระเบียบหรือกฎเกณฑ์อยู่เสมอ
2. ระดับตำกว่ามาตรฐาน
- ดูแลและรักษาทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นบางครั้ง
- ตักเตือนหรือแจ้งผู้ทำผิดระเบียบหรือกฎเท่าที่จำเป็น
- ไม่ประพฤติตนตามระเบียบหรือกฎของส่วนร่วมเป็นบางครั้ง
3. ระดับมาตรฐานที่กำหนด
- รับฟังและไม่นำข้อมูลของผู้อื่นมาเปิดเผย
- ดูและและรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของส่วนรวมอยู่เสมอ
- ไม่นำทรัพย์สินของส่วนรวมมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว
- ประพฤติตนตามระเบียบหรือกฎอยู่เสมอ
4. สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนด
- ไม่เปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานที่อาจสร้างความขัดแย้งหรือปัญหาให้เกิดขึ้น
- ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสมกับกลุ่มคน เวลา
และสถานการณ์
- ตักเตือนสมาชิกในทีมเมื่อทำผิดระเบียบหรือกฎ
- ยอมรับและหาทางแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง
5. สูงเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนด
- แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นผู้ทำผิดระเบียบหรือกฎ
- ปลุกจิตสำนึกให้สมาชิกทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานมีจรรยาบรรณและคุณธรรมในการ
ทำงาน
ทำงาน
- นำทรัพย์สินของตนเองมาใช้เพื่อใครทำงานประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
พฤติกรรมที่แสดงว่ามีความซื่อสัตย์ มีดังนี้
พฤติกรรมที่แสดงว่ามีความซื่อสัตย์ มีดังนี้
1.ตรงต่อเวลา
นัดหมายแล้วมาตามนัดและตรงเวลามาโรงเรียนตรงเวลาไม่มาสาย
2.ไม่พูดปด พูดความจริงเสมอ
3.ไม่หน้าไหว้หลังหลอก
ต่อหน้าทำอย่างหนึ่งและลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง
4.ยอมรับผิดเมื่อทำผิด ไม่ใส่ร้ายความผิดให้กับผู้อื่น
5.จ่ายเงินทุกครั้งเมื่อซื้อสิ่งของขึ้นรถประจำทางหรือโดยสารยานพาหนะอื่นๆหรือใช้บริการอื่นๆที่ต้องเสียเงินค่าบริการ
6.ไม่หยิบฉวยสิ่งของของผู้อื่นมาเป็นของตนจะใช้สิ่งของผู้อื่นต้องขออนุญาตก่อน
7.ไม่ลอกการบ้านเพื่อนไม่แอบอ้างผลงานเพื่อนเป็นผลงานตัวเองไม่ลอกคำตอบเพื่อน
กิจกรรมปลูกฝังจิตสำนึก"ความซื่อสัตย์"
1. นำเสนอตัวอย่างที่ดีอย่างสม่ำเสมอจนเกิดความเคยชินหรือเกิดความสงสัย
และสามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น
2. ยกย่องสรรเสริญให้เป็นขวัญและกำลังใจกับผู้ประกอบความดี
ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
3. แนะนำตักเตือนด้วยความหวังดีไม่มีอคติเมื่อผู้เรียนที่ประพฤติไม่ถูกต้อง
4. ส่งเสริมให้เด็กหรือผู้เรียนมีประสบการณ์ตรง
เช่น พูดคุย สัมภาษณ์บุคคลตัวอย่างในท้องถิ่น
5. ให้เด็กหรือผู้เรียนเรียนรู้ตามตัวอย่างจากสื่อต่าง
ๆ เช่น นิทาน ละคร ภาพยนตร์ สารคดี
6. ส่งเสริมให้เด็กหรือผู้เรียนได้วิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์หรือสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นแตกต่างกันหลาย
ๆ ครั้ง
ทั้งการวิเคราะห์เป็นกลุ่มและการวิเคราะห์ด้วยตนเอง
เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจเชิงเหตุและผลทั้งด้านดีและไม่ดี
และทั้งที่หาข้อยุติหรืออาจยังหาข้อยุติไม่ได้
7. ให้ได้แสดงเจตนารมณ์เป็นรายบุคคลหรือเป็นทีมที่จะประพฤติปฏิบัติตนในกรอบของความซื่อสัตย์ สุจริต คุณธรรมจริยธรรม เช่น การมีคติพจน์ประจำใจ การสร้างสัญลักษณ์ของพฤติกรรม ฯลฯ